Skip to main content

ไข้หวัดใหญ่ วายร้ายทำลายสุขภาพ

"ไข้หวัดใหญ่" เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) โดยเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล สามารถจำแนกออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ชนิดเอ บี และซี โรคไข้หวัดใหญ่อาจมีอาการเริ่มต้นเหมือนไข้หวัดแต่อาจมีความรุนแรงทำให้เกิดปอดอักเสบ และเสียชีวิตได้


อาการของโรคไข้หวัดใหญ่

  • มีอาการไข้สูง ตัวร้อน หนาว
  • ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะที่หลัง ต้นแขน ต้นขา
  • ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
  • เบื่ออาหาร
  • คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ ไอแห้งๆ
  • ในเด็กอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วงได้


โรคไข้หวัดใหญ่สามารถรักษาได้ โดยมากเป็นการรักษาตามอาการ เช่น ในกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง แพทย์จะมีการพิจารณาให้ยาต้านไวรัสโรคไข้หวัดใหญ่ คือ ยาโอลเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) รับประทาน


หากพบว่าตนเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงป่วยรุนแรง และสงสัยว่ามีอาการไข้หวัดใหญ่ โดยมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว มีน้ำมูก ให้รีบมาพบแพทย์เข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ส่วนบุคคลทั่วไปหากมีอาการป่วยและอาการไม่ดีขึ้นใน 2 วัน ให้รีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษา


การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

โรคไข้หวัดใหญ่ป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ปีละ 1 ครั้ง สามารถฉีดได้ทุกเพศทุกวัย ในเด็กสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ในหญิงตั้งครรภ์ควรฉีดเพื่อป้องกันลูกน้อยที่เพิ่งคลอดยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะฉีดวัคซีน เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถป้องกันตัวเองไม่ให้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่และช่วยปกป้องคนที่คุณรักไม่ให้ติดไข้หวัดใหญ่ได้

Comments

Popular posts from this blog

เมนูหวานไม่เบา ที่ เบาหวาน ต้องระวัง

 “ โรคเบาหวาน ” ถือเป็นอีกหนึ่งโรคฮิตที่คุกคามสุขภาพของคนทั่วโลก ทำให้ 3 องค์กรระดับโลกอย่าง สหพันธ์โรคเบาหวานนานาชาติ (IDF) องค์การอนามัยโลก (WHO) และสหประชาชาติ (UN) ร่วมมือกันกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวัน “เบาหวานโลก” (World Diabetes Day) ซึ่งตรงกับวันเกิดของ Frederick Banting ผู้ค้นพบอินซูลินรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน จึงเลือกวันนี้เพื่อเป็นเกียรติให้กับเขา นอกจากนี้ยังต้องการให้ทุกคนตระหนักถึงอันตรายของโรคเบาหวาน โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคเบาหวานมากขึ้น โดยสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคเบาหวานนั้นมีหลายอย่างด้วยกัน ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมการบริโภคที่ติดหวานของคนในปัจจุบัน ที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่เมนูที่แฝงไปด้วยน้ำตาลและความหวานอย่างคาดไม่ถึง จะมีอะไรบ้างนั้น ไปชมพร้อม ๆ กันเลยค่ะ *หมายเหตุ* – ปริมาณน้ำตาลส่วนใหญ่ถูกเติมลงไปต้ังแต่กระบวนการปรุงประกอบอาหาร ดังน้ันไม่ควรปรุงแต่งรสชาติด้วยน้ำตาล น้ำผึ้ง หรือเครื่องปรุงที่มีรสชาติหวานเพิ่มเติมลงไป – ในกรณีที่เลือกรับประทานอาหารที่มีองค์ประกอบของน้ำตาลและอาหารมีรสชาติหวานอยู่แล้ว ควรหลีกเลี่ยงเครื่่ื

วิธีป้องกันตนเองเบื้องต้นจากไวรัสโคโรนา

 “ไวรัสโคโรนา 2019” หรือ “COVID-19 ที่กำลังระบาดหนักอยู่ขณะนี้อย่างแน่นอน กลุ่มไวรัสโคโรนานั้น ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1960 ทำให้เกิดไข้หวัดทั่วไป แต่ไม่ได้มีอาการรุนแรงมาก ล่าสุดพบที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ต่างจากที่เคยเจอมาก่อน มีอาการตั้งแต่เล็กน้อย ปานกลาง ถึงรุนแรง และมีการแพร่กระจายเชื้อได้ โคโรนาคืออะไร? โคโรนาคือเชื้อไวรัสที่มีรูปร่างคล้ายมงกุฎ พบครั้งแรกกลางทศวรรษที่ 1960 โดยมีเชื้อไวรัสโคโรนาอยู่ 4 สายพันธุ์ใหญ่ ๆ ด้วยกัน แต่ตัวที่ระบาดมากที่สุดคือ SARS-CoV พบครั้งแรกที่ประเทศจีน ปี ค.ศ. 2002-2003 ซึ่งได้ระบาดไปทั่วโลกและมีอัตราการเสียชีวิตสูง ต่อมาพบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ MERS-CoV เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศซาอุดิอาระเบีย ในแถบตะวันออกกลาง จนกระทั่งล่าสุดพบ “เชื้อไวรัสโคโรนา 2019” ที่เมืองอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย ตอนกลางของประเทศจีน โดยบริเวณที่พบผู้ป่วยมากที่สุดและคาดว่าน่าจะเป็นรังของโรค  คือ  ตลาดอาหารทะเลและสัตว์หายากในเมือง  ซึ่งได้แพร่กระจายไปในหลายเมืองในประเทศจีน  และหลายประเทศ  เช่น

กระชายดำ กับ สมรรถภาพเพศชาย

 หลายคนอาจเคยได้ยิน # สรรพคุณของกระชายดำ # สมุนไพรไทย ขึ้นชื่อด้านเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง # เพิ่มสมรรถภาพเพศชาย อีกทั้งอาจรักษาป้องกันโรคบางชนิดได้ เพราะในกระชายดำมีสารฟลาโวนอยด์ แอนโทไซยานิน ฟีนอลิก และมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งคาดว่าส่วนประกอบเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย จึงมีการนำกระชายดำมาผลิตเป็นยาสมุนไพรหลากหลายรูปแบบ อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาค้นคว้าถึงสรรพคุณของกระชายดำในบางด้าน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจก่อนบริโภคกระชายดำ ดังต่อไปนี้ # เสริมสร้างความแข็งแรงแก่สุขภาพ การออกกำลังกายช่วยเพิ่มความแข็งแรงแก่สุขภาพร่างกาย แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความอ่อนล้าหลังออกกำลังกายได้ กระชายดำเป็น 1 ในสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้ด้วยความเชื่อว่าอาจเสริมสร้างความแข็งแรงและป้องกันอาการอ่อนเพลียได้ จึงมีงานค้นคว้าหนึ่งที่พิสูจน์ประสิทธิภาพของกระชายดำโดยให้นักกีฬาฟุตบอล 60 ราย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มทดลอง กลุ่มแรกให้บริโภคสารสกัดจากกระชายดำ 180 มิลลิกรัมทุกวัน ในขณะที่อีกกลุ่มไม่ได้บริโภคสารสกัดจากกระชายดำ แล้วทดสอบสมรรถภาพร่างกายทุกเดือน หลังจากผ่านไป 3 เดือน พบว่าผู้ที่บริโภคสารสกัดจาก